บทที่ 15 
การศึกษาความเหมาะสมในการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในงานธุรกิจ

วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม (Behavioral Objectives)
หลังจากศึกษาจบบทเรียนนี้แล้ว นักศึกษาจะมีความสามารถดังนี้ 
(After studying this chapter, you will be able to)

  1. อธิบายวิธีการและขั้นตอนในการพิจารณาจัดซื้อ
  2. เข้าใจการสร้างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ที่มีอยู่
  3. ยกตัวอย่างการประมาณงานของระบบงานที่ใช้อยู่
  4. เข้าใจการพิจารณาและวิเคราะห์อุปกรณ์คอมพิวเตอร์
  5. อธิบายระดับต่างๆ ของคอมพิวเตอร์และการใช้งาน
  6. เข้าใจการพิจารณาและวิเคราะห์อุปกรณ์ซอฟแวร์
  7. ยกตัวอย่างการประมาณการต้นทุนและผลตอบแทน
  8. จัดบอร์ดเชิงปฏิบัติการ “ระดับต่างๆ ของคอมพิวเตอร์และการใช้งาน”
  9. สนทนาเชิงปฏิบัติการ “การพิจารณาและวิเคราะห์อุปกรณ์ซอฟต์แวร์”
  10. อธิบายคำศัพท์ได 8 คำ

 

บทที่15 
การศึกษาความเหมาะสมในการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในงานธุรกิจ 

นักวิเคราะห์ระบบได้ทำการวิเคราะห์ถึงความต้องการของผู้ใช้ระบบอย่างถ่องแท้แล้วนอกจากนี้ยังจะต้องทำการจัดสรรให้ได้มาซึ่งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ที่มีประสิทธิภาพในการบริหารข้อมูล โดยจำเป็นจะต้องใช้วิธีการอย่างมีระบบในการชี้นำเพื่อตัดสินใจ 
ในปัจจุบัน ราคาเครื่องคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์มีราคาที่ถูกลงกว่าแต่ก่อนมาก และซอฟต์แวร์มากมายหลากหลาย ก็ถูกนำออกมาจำหน่ายและเผยแพร่ในท้องตลาดนับไม่ถ้วนทำให้ทุกๆ องค์กรมีเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้งานกันอย่างแพร่หลาย การจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์จึงเป็นสิ่งที่ไม่ยากสำหรับยุคปัจจุบัน แต่การซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ก็ควรมีขั้นตอนในการจัดซื้อ เพื่อให้นำมาใช้งานได้ตามต้องการไม่เป็นการลงทุนที่สุญเปล่าในบทนี้จึงกล่าวถึงวิธีการและขั้นตอนในการพิจารณาจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์อย่างคุ้มค่า

วิธีการและขั้นตอนในการพิจารณาจัดซื้อ 
วิธีการและขั้นตอนในการพิจาณาจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์และซอฟแวร์อย่างคุ้มค่าสิ่งที่นักวิเคราะห์ระบบจะต้องทำการพิจารณาคือ

  1. สำรวจอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ต่างๆ ที่มีอยู่แล้ว
  2. การประมาณงานของระบบงานที่ใช้อยู่
  3. พิจารณาและวิเคราะห์อุปกรณ์คอมพิวเตอร์
  4. ระดับต่างๆ ของคอมพิวเตอร์และการใช้งาน
  5. พิจารณาและวิเคราะห์อุปกรณ์ซอฟต์แวร์
  6. ประมาณการต้นทุนและผลตอบแทน

เมื่อได้พิจารณาตามขั้นตอนดังกล่าวข้างต้นให้ดีแล้ว นำผลที่ได้รับมาเปรียบเทียบหาความเหมาะสมที่สุด

การสำรวจอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ที่มีอยู่แล้ว 
นักวิเคราะห์ระบบจะต้องทำการสำรวจอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ที่มีอยู่แล้วในองค์กร และจัดทำออกมาในรูปแบบของบัญชีทรัพย์สินที่แสดงรายละเอียดของเครื่องคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ที่มีอยู่ แต่ถ้าได้มีการทำบัญชีทรัพย์สินเอาไว้แล้ว ให้นำบัญชีนั้นมาแล้วทำการสุ่มตัวอย่างขึ้นมาทำการตรวจสอบว่า อุปกรณ์และซอฟต์แวร์นั้นๆ มีคุณภาพหรือมีอุปกรณ์อยู่ครบตามบัญชีทรัพย์สินจริงหรือไม่ 
รายละเอียดของการสำรวจอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ มีดังนี้

  1. รุ่นยี่ห้อของอุปกรณ์ (Type of Equipment) ได้แก่ CPU อุปกรณ์เก็บข้อมูล Input Output อุปกรณ์สื่อสาร รุ่นอะไร ใครเป็นผู้ผลิต เป็นต้น
  2. สถานะหรือสภาพปัจจุบันของอุปกรณ์ (Status) ได้แก่ อยู่ในระหว่างการสั่งซื้อกำลังใช้งานอยู่ เก็บเอาไว้ ชำรุดเสียหาย อยู่ในระหว่างการซ่อมบำรุง เป็นต้น
  3. ประมาณอายุการใช้งานของเครื่อง (Age of Equipment) โดยนับจากวันที่ซื้อถึงวันที่ทำการสำรวจ
  4. ประมาณอายุการใช้เครื่องรุ่นนั้นๆ สามารถใช้ได้ (Projected Life)
  5. ตำแหน่งที่ตั้งของเครื่อง (Location) อยู่ที่ใด ห้องใด ชั้นใด โต๊ะใคร
  6. เครื่องอยู่ในความรับผิดชอบของฝ่ายใดหรือบุคคลใด (Who s Responsible)
  7. สถานภาพทางการเงินและกรรมสิทธิ์ของเครื่อง (Financial Arrangement for Equipment) ธุรกิจได้ซื้อขาด หรือเช้าซื้อ หรือเช่า ถ้าเป็นการเช่าหรือเช้าซื้อจะตองมีการตรวจสอบสัญญาต่างๆ ว่ามีข้อผูกพันกันอย่างไรด้วย

การประมาณงานของระบบงานที่ใช้อยู่ 
เป็นการประมาณปริมาณงานของระบบ (Estimating Workloads) ที่เครื่องคอมพิวเตอร์จะต้องรองรับได้ ซึ่งจะต้องคำนึงถึงปริมาณงานที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบันแต่ละวัน เพื่อพิจารณาดูว่าเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องที่มีอยู่แล้วนั้นสามารถที่จะรองรับการทำงานนั้นๆ ได้หรือไม่ นอกจากจะมองงานที่เกิดในปัจจุบันแล้ว ยังจะต้องมองไปในอนาคตอีกด้วย ถ้าหากงานมีโอกาสเพิ่มมากขึ้น เครื่องคอมพิวเตอร์หรือปุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องยังสามารถที่จะรองรับงานในอนาคตได้อีกนานแค่ไหนและได้ปริมาณมากน้อยเพียงใด
การมองหาเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องจ้ะองคำนึงถึงประสิทธิภาพของเครื่องที่สามารถจะรองรับงานที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และงานที่อาจจะมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นต่อไปอีกในอนาคตได้ ซึ่งจะทำให้ลดความยุ่งยากในการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องใหม่และจะต้องทำการถ่ายข้อมูลจากระบบเก่าสู่ระบบไหม้ด้วย

การพิจารณาและวิเคราะห์อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ 
หน้าที่ในการพิจารณาจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเป็นของผู้บริหารผู้ใช้ระบบ และนักวิเคราะห์ระบบที่จะต้องร่วมมือกันพิจารณา นักวิเคราะห์ระบบจะต้องเป็นผู้ที่ทำการประเมินในขั้นต้นก่อนที่จะถึงการประเมินของผู้บริหาร ฉะนั้น นักวิเคราะห์ระบบจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของคอมพิวเตอร์โดยคร่าวๆ เพื่อนที่จะนำไปใช้เป็นความรู้ประกอบการพิจารณาด้วย สิ่งที่ควรจะดูโดยทั่วไปแล้ว คือ ระยะเวลาที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูล การรับข้อมูลเข้า และการออกผลลัพธ์ ความจะในการเก็บข้อมูล ความสามารถในการขยายหน่วยความจำ และอัตราความเร็วของหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) เป็นต้น นอกจากนี้ยังควรดูด้วยว่าเครื่องนั้นๆ สามารถที่จะทำการ Upgrade ได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งจะต้องทำการเปรียบเทียบกันหลายๆ เครื่อง หลายๆ ยี่ห้อด้วย เพื่อให้ได้เครื่องและอุปกรณ์ที่เหมาะสมที่สุด
เมื่อทำการตรวจสอบและได้ผลการตรวจสอบและเปรียบเทียบอย่างพอเพียงแล้ว ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาก็จะต้องทำการตัดสินใจว่าจะทำการซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เพิ่มหรือจะใช้ของเดิมที่มีอยู่แล้ว

ระดับต่างๆ ของคอมพิวเตอร์และการใช้งาน 
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เพราะความรวดเร็วของเทคโนโลยีนี้เองเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่นักวิเคราะห์ระบบจะต้องทำการศึกษาถึงรุ่นและแบบต่างๆ ของอุปกรณ์เครื่องคอมพิวเตอร์ ทุกครั้งที่จะต้องมีการพิจารณาจัดสรรอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ใหม่ๆ ต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เองก็มีอยู่หลายระดับ เช่น ไมโครคอมพิวเตอร์ มินิคอมพิวเตอร์ และเมนเฟรม ที่ต้องศึกษาและนำมาพิจารณา ดังนี้

  1. ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer) เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ทั่วไปเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็ก ราคาในปัจจุบันไม่แพงมาก แต่คุณภาพและประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นกว่าในสมัยก่อนมาก คาดว่าในอนาคตคงจะมีแต่การใช้ไมโครคอมพิวเตอร์กันหมดไม่มีใครใช้มินิคอมพิวเตอร์หรือเมนเหรมอีกต่อไป
  2. มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer) เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ระดับกลาง เหมาะสำหรับการนำไปทำเป็นระบบเครือข่ายและรองรับการทำงานของระบบข้อมูลใหญ่ๆ เช่น การต่อพ่วงอุปกรณ์ต่าง ๆ ราคาจะสุงกว่า ไมโครคอมพิวเตอร์
  3. เมนเหรม (Mainframe) เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ระดับใหญ่ ที่มีไมโดรโพเซสเซอร์หลายตัวในเครื่องเดียว มีการประมวลผลแบบขนาน (Parallel) ทำให้อัตราการประเมินผลมีความรวดเร็วอย่างมาก และยังสามารถที่จะต่อพ่วงอุปกรณ์ต่างๆ มีความยืดหยุ่นค่อนข้างสูงเป็นเครื่องที่เหมาะสำหรับหน่วยงานใหญ่ที่ต้องการประมวลผลอย่างรวดเร็ว และมีความเชื่อถือได้ (Reliability) สูง ส่วนราคาก็ค่อยข้างสูงจึงนิยมใช้กันเฉพาะกับหน่วยงานใหญ่ๆ ที่มีระบบงานซับซ้อนและต้องการความเชื่อถือได้ของเครื่องคอมพิวเตอร์สูงเท่านั้น

การพิจารณาและวิเคราะห์อุปกรณ์ซอฟแวร์ 
ปัจจุบันซอฟต์แวร์อยู่มากมายหลายชนิดในท้องตลาด ซึ่งสามรถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ ดังต่อไปนี้

  1. ซอฟแวร์แบบแพคเกจสำเร็จรูป (Packaged Software) เป็นซอฟต์แวร์ที่ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อใช้งานทั่วไป เช่น Lotus1-2-3-, dBase Version ต่างๆ , Microsoft Access, Microsoft Excel, Microsoft Word เป็นต้น
  2. ซอฟต์แวร์ที่เขียนขึ้นสำหรับงานเฉพาะด้านสำหรับธุรกิจ (Application Software) เช่น ซอฟต์แวร์สำหรับระบบงานบัญชี ระบบงานสินค้าคงคลัง เป็นต้น
  3. ซอฟต์แวร์ที่ใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาระบบงาน (Software Tools) เป็นซอฟต์แวร์ที่นักวิเคราะห์ระบบหรือโปรแกรมเมอร์ใช้เพื่อการพัฒนาระบบงานหรือโปรแกรมขึ้นอีกที่หนึ่ง

การที่ซอฟต์แวร์มีอยู่มากมายหลากหลายในท้องตลาดนั้น ทำให้สามารถจะเลือกซื้อและใช้ได้ในทันที แต่ซอฟต์แวร์ก็มีจุดดีจุดเสียไม่เหมือนกัน การเลือกซื้อซอฟต์แวร์มาใช้งานจะต้องทำการเลือกอย่างรอบคอบ โดยมีหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณาซอฟต์แวร์แตกต่างกัน

หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณาซอฟต์แวร์ต่างๆ กันแบ่งออกเป็น 6 ข้อคือ

  1. จะต้องเป็นซอฟต์แวร์ที่ตรงต่อความต้องการ (Requirements)
  2. ประสิทธิภาพในการทำงานของซอฟต์แวร์ (Performance)
  3. งานต่อการใช้งาน (Easy to Use)
  4. มีความยืดหยุ่นพอควร (Flexibility)
  5. คุณภาพของเอกสารและคู่มือการใช้ (Quality of Documentation)
  6. การรับรองและส่งเสริมผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ของผู้ผลิตและผู้ขาย (Manufacturer Support)

การพิจารณาซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจนั้น นอกจากหลักเกณฑ์ 6 ข้อข้างต้นแล้ว ยังจะต้องมีการทำข้อมูลขึ้นมาอีก 1 ชุด เพื่อทดสอบซอฟต์แวร์นั้นๆ เพื่อประกอบการพิจารณาอีกชั้นหนึ่งว่าซอฟแวร์นั้นๆ ปฏิบัติงานได้ถูกต้องตามที่ได้สร้างเอาไว้หรือไม่ บางครั้งอาจจะต้องมีการวิเคราะห์ถึงจุดอ่อนและจุดแข็งของซอฟต์แวร์นั้นๆ ให้ดีเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป

การประมาณการต้นทุนและผลตอบแทน 
สิ่งสุดท้ายที่จะทำการวิเคราะห์ คือ กรคิดต้นทุนและผลตอบแทนที่จะได้รับจากระบบหากระบบต้องมีการใช้เงินในการลงทุนสูงมากเพื่อนำมาพัฒนา แต่ผลตอบแทนจากระบบกลับมีค่าที่ต่ำกว่า แสดงว่าหากมีการพัฒนาระบบขึ้นมาจริงๆ เงินที่ลงทุนไปกลับไม่คุ้มค่าต่อผลที่จะได้รับ จังไม่คุ้มที่จะทำการลงทุนในงานนั้นๆ

                กลุ่มของต้นทุน (Costs) สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ

  1. ต้นทุนที่สามารถแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจน (Tangible Costs)
  2. ต้นทุนที่ไม่สามารถแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจน (Intangible Costs)

กลุ่มของผลตอบแทน (Benefit) สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ

  1. ผลตอบแทนที่สามารถแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจน (Tangible Benefit)
  2. ผลตอบแทนที่ไม่สามารถแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจน (Intangible Benefit)

วิธีการที่ใช้ในการวิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทน (Cost and Benefit Analysis Methods) เทคนิคที่ใช้สำหรับการวิเคราะห์และเปรียบเทียบต้นทุนและผลตอบแทนสำหรับระบบงานที่นำเสนอ มีหลายวิธีได้แก่

  1. การวิเคราะห์จุดคุ้มทุน (Break – Even Analysis)
  2. ระยะเวลาคืนทุน (Pay – Back Analysis)
  3. มูลค่าปัจจุบัน (Present Value)

 

คำศัพท์  บทที่ 15
การศึกษาความเหมาะสมในการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในงานธุรกิจ

Type of Equipment

รุ่น ยี่ห้อของอุปกรณ์

Status

สถานะหรือภาพปัจจุบันของอุปกรณ์

Age of Equipment

ประมวลอายุของเครื่อง

Location

ตำแหน่งที่ตั้งของเครื่อง

Estimating Workloads

การประมาณปริมาณงานของระบบ

Microcomputer

ไมโครคอมพิวเตอร์

Minicomputer

มินิคอมพิวเตอร์

Mainframe

เมนเฟรม

Packaged Software

ซอฟต์แวร์แบบแพคเกจสำเร็จรูป

Requirements

ซอฟต์แวร์ที่ตรงต่อความต้องการ

Performance

ประสิทธิภาพในการทำงาน

Flexibility

มีความยืดหยุ่น

Quality of Documentation

คุณภาพของเอกสารและคู่มือการใช้

Manufacturer Support

การรับรองและส่งเสริมผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์

Tangible Costs

ต้นทุนที่สามารถแสดงให้เห็นได้ชัดเจน

Intangible Costs

ต้นทุนที่ไม่สามารถแสดงให้เห็นได้ชัดเจน

Tangible Benefit

ผลตอบแทนที่สามารถแสดงให้เห็นได้ชัดเจน

Intangible Benefit

ผลตอบแทนที่ไม่สามารถแสดงให้เห็นได้ชัดเจน

Cost and Benefit Analysis Methods

วิธีการที่ใช้ในการวิเคราะห์ต้นทุนและ-ผลตอบแทน

Break-Even Analysis

การวิเคราะห์จุดคุ้มทุน

Pay-Back Analysis

ระยะเวลาคืนทุน

Present Value

มูลค่าปัจจุบัน

 


Free Web Hosting